เพิ่งเจอพ่อครั้งแรกในชีวิต แต่ "มอริส เค" ก็ต้องจากพ่ออีกครั้ง 

หลายคนต่างดีใจกับนักแสดงและพิธีกรมากความสามารถ “มอริส เค” เมื่อเจ้าตัว ประกาศข่าวดีผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวว่า ได้เจอกับพ่อบังเกิดเกล้า หลังตามหามาทั้งชีวิตแล้ว กระทั่งเมื่อช่วงเดือนเมษายน 2565 ที่ผ่านมา “มอริส เค” ได้บินลัดฟ้า เพื่อไปหาคุณพ่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แม้ระหว่างทาง มอริส เค จะเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันเนื่องจาก ตกไฟล์บินที่จะต้องนั่งเครื่องบินต่อไปอีกเมืองหนึ่งในสหรัฐอเมริกาเพื่อไปหาคุณพ่อ จนต้องเช่ารถเพื่อเดินทางนานถึง 5 ชั่วโมงเพื่อไปหาคุณพ่อแทน จนในที่สุด มอริส เค ก็ได้เจอกับพ่อเป็นครั้งแรกในชีวิตในรอบ 57ปี และได้ใช้ช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ เป็นเวลาเกือบ 6 เดือนอยู่กับคุณพ่อ และพี่น้อง

แต่เมื่อมีพบเจอก็ย่อมมีจากลา เมื่อ “มอริส เค” มีความจำเป็นต้องจากลาคุณพ่อ เพื่อเดินทางกลับประเทศไทยไปทำงาน ซึ่ง มอริส เค ไม่พลาดเก็บภาพความทรงจำดีๆกับคุณพ่อ พร้อมเล่าความรู้สึกที่ต้องจากคุณพ่อผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวระบุว่า “เมื่อมีพบเจอ ก็ย่อมมีจากลา” สำนวนไทยที่คุ้นหูมาเสมอ และมันเกิดขึ้นกับผมแล้วเกือบ 6 เดือนที่ผมมาอยู่ที่อเมริกา ได้ใช้เวลาอยู่กับพ่อ พี่น้อง ลูกพี่ลูกน้อง เพื่อนเก่าๆที่ไม่ยอมแก่ และจูจู้เพื่อนรุ่นน้องที่ผมประทับใจและชื่นชมในตัวเค้ามาก จูจู้ช่วยทำให้การอยู่อเมริกาของผมในคราวนี้มันยอดเยี่ยมและตราตรึงในดวงใจผมมาก

วันจันทร์นี้ผมกำลังจะเดินทางกลับเมืองไทย กลับไปทำงานและดำเนินชีวิตต่อไป ผมไม่รู้สึกเสียใจที่ผมต้องจากอเมริกาในครั้งนี้ เพราะผมรู้ว่าผมและญาติพี่น้องรวมทั้งเพื่อนผองจะเจอกันอีกแน่นอน มาอเมริกาคราวนี้ ผมได้รับโอกาสใหม่ๆในชีวิต แน่นอนผมเปิดรับมันและจะใช้มันให้ดีที่สุด ทั้งหมดนี้ผมขอขอบพระคุณพระเจ้า ที่ประทานและให้โอกาสผม พระคุณของพระองค์ล้วนๆ สรรเสริญพระเจ้า

ต้องบอกว่าชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร สำหรับนักแสดงและพิธีกรมากความสามารถ “มอริส เค” ที่ทุกทุกวิถีทางจนตามหาพ่อผู้ให้กำเนิดจนเจอ 57 ปีที่รอคอยสมหวังด้วยความอิ่มเอมใจ จนเจ้าตัวบินไปหาคุณพ่อถึงที่อเมริกา เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาเพื่อใช้เวลาอยู่ด้วยกัน

ซึ่งเรื่องราวของหนุ่ม “มอริส” และพ่อ ยังได้รับความสนใจจากรายการดังในอเมริกา ที่ติดต่อมาถ่ายทำชีวิตมอริสเป็นหนังสารคดี ซึ่งเขาเล่าผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวของเขาเองไม่กี่วันก่อนว่า

“รายการ Voice of America มาถ่ายทำเรื่องราวของผมและครอบครัว เพื่อทำเป็นหนังสารคดีฉายที่อเมริกาและอีก 45 ประเทศ จะได้รับชมพร้อมกันในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้

ผมรู้สึกได้รับเกียรติที่เรื่องราวการตามหาพ่อของผมเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ ผมหวังว่าสารคดีเรื่องนี้จะสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ชมทุกท่าน

ในสารคดีเรื่องนี้ไม่ได้แค่เรื่องราวของผมเท่านั้น ยังมีเรื่องราวของเด็กลูกครึ่งคนอื่นด้วย พวกเราหวังว่าสารคดีเรื่องนี้จะทำให้ภาครัฐให้ความสนใจผู้ที่ตนอยู่ในสถานการแบบพวกเราไม่มากก็น้อย

ผมอยากเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่กำลังตามหาครอบครัวของตัวเอง อย่าท้อ อย่าหมดหวัง เทคโนโลยีสมัยนี้ช่วยทำให้การตามหาครอบครัวที่พลัดพลาดกันไปง่ายขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่สำหรับอย่างยิ่ง เมื่อคุณได้พบครอบครัวของคุณแล้ว ดูแลรักษาความสัมพันธ์อันนี้ให้ดี อย่านำเอาเรื่องราวในอดีตมาทำลายความสัมพันธ์ของครอบครัวตัวเอง เรื่องที่ผ่านมาแล้วให้มันผ่านไป สร้างความสัมพันธ์ของครอบครัวให้มีความสุขและเรียนรู้และปรับตัวเข้าหากัน คุณจะมีครอบครัวที่น่ารักและเป็นพลังให้ชีวิตคุณตลอดไป

“Who is my Dad!” คือชื่อของสารคดีที่ทาง Voice of America ตั้งใจนำเสมอชีวิตเด็ก รายการรายการ Voice of America มาถ่ายทำเรื่องราวของผมและครอบครัว เพื่อทำเป็นหนังสารคดีฉายที่อเมริกาและอีก 45 ประเทศ จะได้รับชมพร้อมกันในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ ติดตามให้กำลังใจพวกผมด้วยนะครับ”

ขอบคุณอินสตาแกรม mor_ris_k