Trending News

Blog Post

"ผอ.โรงเรียน" แจงแจ้งความ ป.6 พังกล้องวงจรปิด แค่ปราบไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
ข่าวภูมิภาค

"ผอ.โรงเรียน" แจงแจ้งความ ป.6 พังกล้องวงจรปิด แค่ปราบไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง 

"ผอ.โรงเรียน" แจง ปม แจ้งความ เด็ก ป.6 พังกล้องวงจรปิด แค่ต้องการปราบไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เรียกผู้ปกครองตกลงค่าเสียหาย แล้วแต่เด็กไม่มีเงิน โรงเรียนจึงจำต้องแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว

20 ก.ย.2565  จากกรณีเพจดัง  เพจดัง “Survive – สายไหมต้องรอด” โพสต์ภาพเด็กนักเรียน และ เอกสารหมายเรียก  ของสภ.เมืองกำแพงเพชร กรณีผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในจ.กำแพงเพชร แจ้งความดำเนินคดีกับนักเรียนชั้น ป.6 ที่ทำกล้องวงจรปิดในโรงเรียนพัง และเรียกค่าเสียหายกว่า 3,000 บาท

 

โดยข้อความระบุว่า  #จังหวัดกำแพงเพชร น้องมะพร้าว อายุ 11 ปี เด็กนักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งใน  อ.เมือง จ.กำแพงเพชร  ถูก ผอ.โรงเรียน แจ้งความดำเนินคดี หลังน้องและเพื่อนๆนักเรียนเล่นบอลไปโดนกล้องวงจรปิดที่โรงเรียนได้รับความเสียหาย  เด็ก ๆ กลัวความผิดจึงไปตัดสายไฟขาด โรงเรียนเรียกเก็บค่าซ่อม 3,300 บาท  โดยให้หารกับเพื่อนนักเรียน 2 คนๆละ 1,650 บาท น้องอีกคนครอบครัวหาเงินมาจ่ายได้  ส่วนน้องมะพร้าว ครอบครัวยากจนไม่มีเงินจ่าย จึงถูกดำเนินคดี 

 

#เบื้องต้น พี่เอก ประสานร้อยเวรเจ้าของคดีเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงแล้ว ทั้งนี้หากทางโรงเรียนยอมถอนแจ้งความ #สายไหมต้องรอด จะช่วยจ่ายค่าเสียหาย 1,650 บาท ให้ เพื่อให้น้องไม่ต้องถูกดำเนินคดี…

หลังจากที่ โพสต์ดังกล่าว มีการแชร์ไปโลกออนไลน์  ทำให้ชาวเน็ตเสียงแตกถามว่า ผู้อำนวยการ ทำเกินไปหรือไม่ เด็กจะมีคดีติดตัว ขอให้ถอนแจ้งความ บางรายบอกว่าจะรวมเงินช่วยเคลียร์ค่าเสียหาย ขณะที่อีกมุมบอกเรื่องมันมีมากกว่านั้น อยากให้ฟังอีกฝั่งเล่าความจริง 

 

 

 

"ผอ.โรงเรียน" แจงแจ้งความ ป.6 พังกล้องวงจรปิด

 

ด้าน นายสมชาย  ผู้อำนวยการโรงเรียน ที่ถูกระบุว่าเป็นผู้แจ้งความ น้องมะพร้าว  เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า กรณีดังกล่าวเกิดจากที่เด็กทั้ง 2 คน ไปเล่นวอลเล่ย์บอล แล้วลูกบอลโดนกล้องวงจรปิดของโรงเรียนพังเสียหาย  เด็กทั้ง 2 คนกลัวความผิด จึงนำไม้มาตีเพื่อทำลายกล้องวงจรปิด พร้อมทั้งตัดสายไฟและสายสัญญาณเพื่อปกปิดความผิด  แต่ปรากฏว่ากล้องวงจรปิด ยังสามารถบันทึกภาพได้

 

ทางโรงเรียนจึงเรียกผู้ปกครองของเด็กที่เข้ามารับทราบ และตกลงชดใช้ค่าเสียหายประมาณ 3,000 บาท ซึ่งมีนักเรียน 2 คน ที่จะต้องรับผิดชอบร่วมกัน มี ด.ช.สิงห์  (นามสมมติ)   อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 และ ด.ช.มะพร้าว  อายุ 11 ปี นักเรียนชั้น ป.6 ทั้งคู่เป็นเพื่อนเรียนห้องเดียวกัน โดยผู้ปกครองของทั้ง 2 ฝ่าย ยินดีชดใช้ค่าเสียหายให้ และจบเรื่องดังกล่าว แต่วันต่อมา พ่อของ ด.ช.มะพร้าว ทราบเรื่อง กลับบอกว่าจะขอไม่ชดใช้อ้างว่าลูกตนเองไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

 

"ผอ.โรงเรียน" แจงแจ้งความ ป.6 พังกล้องวงจรปิด

 

 

ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวหน่วยงานปกครองและตำรวจในพื้นที่ก็ทราบดีและเข้ามาไกล่เกลี่ยเจรจา จนสุดท้ายมีความเห็นว่าควรจะแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่ไม่รับผิดชอบคือด.ช.มะพร้าว ส่วน ด.ช.สิงห์ ได้จ่ายค่าเสียหายแล้ว ซึ่งเหตุผลที่ต้องดำเนินการทางคดีนั้น เพราะต้องการปรามเด็กไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง

 

สำหรับ ด.ช.สิงห์ เพื่อนของ ด.ช.มะพร้าว มีวีรกรรมในโรงเรียนและชุมชนในลักษณะนี้หลายครั้งจนเป็นที่เอือมระอา ทั้งงัดเข้าไปขโมยของในร้านค้าสหกรณ์และงัดห้องเรียน ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเพื่อเข้าไปขโมยกระปุกออมสินและขนม    

 

 

      
 

กล้องวงจรปิด ที่ถูกนร.ป.6 ทำลายเสียหาย

 

 

ล่าสุด ด.ช.สิงห์ มีปัญหากับเพื่อนในโรงเรียนด้วยกันถึงขนาดพกมีดดาบเข้ามาจะทำร้ายกันในโรงเรียน โดยทางปกครองได้เข้าห้ามปรามเรียกผู้ปกครองมารับทราบ จนมีกระแสดราม่าในเพจดัง "Survive – สายไหมต้องรอด" ส่วน ด.ช.มะพร้าว เป็นเพียงหนึ่งในกลุ่มที่ สร้างความเดือดร้อนเพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น และมี ด.ช.อีกคนที่ร่วมกับ ด.ช.สิงห์ ตีกล้องวงจรปิดหน้าห้องศูนย์เด็กเล็ก เพื่อเข้าไปขโมยกระปุกออมสินและขนม

 

และนอกจากกรณีที่เล่นวอลเล่ย์บอลจนกล้องวงจรปิดพังเกิดขึ้นวันที่ 5 ก.ย.2565 ที่ผ่านมายังก่อเหตุงัดห้องสมุด และขังน้องนักศึกษาฝึกสอนผู้หญิงไว้ในห้อง วันที่ 6 ส.ค.2565 จากนั้น ผู้อำนวยการโรงเรียนและคณะครูได้นำเดินดูตามจุดที่ถูกงัดเสียหายภายในโรงเรียนให้ผู้สื่อข่าวดู

 

 

"ผอ.โรงเรียน" แจงแจ้งความ ป.6 พังกล้องวงจรปิด

 

 

ขณะที่ นายนายธวัชชัย ไทยตัน กำนันตำบลนาบ่อคำ  ระบุว่าเนื่องจากมีเด็กหัวโจกไปโรงเรียนที่กำลังเป็นข่าว จริง ๆแล้วเด็กหัวโจกเป็นเด็กอันตรายกับชุมชน ไปงัดแงะตั้งแก๊ง  ทางครูและคณะกรรมการโรงเรียนได้เรียกมาตักเตือนแล้วแต่ยังมีพฤติกรรมอีกในการที่แจ้งความไม่ใช่แจ้งจับอะไรเป็นการป้องปรามไม่อยากให้เด็กโตขึ้นมาเป็นปัญหาของสังคม  จึงฝากผู้ปกครองช่วยกันดูแลสั่งสอนลูกหลานไม่ใช่จะปล่อยให้มาโรงเรียนซึ่งภาระให้ครูอย่างเดียวแต่ต้องช่วยกันอยากให้เด็กเป็นเด็กดีเป็นกำลังของชาติต่อไป

 

ด้านแม่ค้าสหกรณ์ในโรงเรียน กล่าวว่า ร้านของตนเองเคยถูก ด.ช.สิงห์ เข้ามาขโมยของในร้านถึง 3 ครั้ง พร้อมทั้งทำลายกลอนประตู กล้องวงจรปิด และสายอินเตอร์เน็ต ซึ่งตนเองเพิ่งจะเข้ามาขายของยังร้านค้าสหกรณ์ เพียง 2 เดือน แต่โดนงัดร้านและทำลายทรัพย์สินบ่อยขนาดนี้ โดยทั้งหมดเหมือนรู้ดีกว่าจะกระทำผิด โดยพุ่งเป้าไปที่การทำลายกล้องวงจรปิดก่อน จากเหตุการณ์ดังกล่าวตนไม่รู้จะพูดยังไงไม่คิดว่าเด็กอายุเพียงแค่นี้แต่ทำได้ถึงขนาดนี้

 

พิพัฒน์ จงมีความสุข  ผู้สื่อข่าว จ.กำแพงเพชร

 

ติดตามกระแสรายวัน คมชัดลึก ได้ที่
Website –  www.komchadluek.net
Twitter – https://twitter.com/Kom_chad_luek
 

 

 

 

 

 

Related posts

© Copyright 2018, All Rights Reserved