"เบลล์ พิชิตชัย"นักพากย์โฆษณาหนุ่ม สู่"อินฟลูเอนเซอร์" หลังเปิดตัว 

ในยุคของเทคโนโลยี ทำให้แจ้งเกิดคนดังมากมายจากคนเบื้องหลังมาสู่เบื้องหน้า และมีรายได้เข้าอย่างต่อเนื่อง เรียกว่าหาเงินเข้ากระเป๋ากันเพิ่มขึ้นไปอีก อย่างหนุ่มนักพากย์โฆษณา เจ้าของเสียงจากหลายหลากผลิตภัณฑ์ชื่อดังที่ออกอากาศทางโทรทัศน์ อย่าง "เบลล์ พิชิตชัย โพธิ์ศิริ" นักพากย์โฆษณา ที่มีเสียงพากย์เป็นเอกลักษณ์ จนใคร ๆ อยากเห็นหน้าเขา โดยเขาได้พากย์โฆษณาให้กับหลายแบรนด์ดังมานับ10 ปี เช่น Fisherman’s Friend, Fanta, KFC, Thai Airways และ True 

และเมื่อโลกออนไลน์อย่างแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ได้เป็นเหมือนใบเบิกทางให้ "เบลล์ พิชิตชัย" ได้กล้าออกมาเปิดตัวเอง นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการอินฟลูเอนเซอร์ของหนุ่มคนนี้เลยก็ว่าได้ 

ตามข้อมูลนั้น "เบลล์ พิชิตชัย เป็นเด็กวิทย์ที่เพิ่งมาค้นพบความชอบหลังตอน ม.5 คือเจ้าตัวเล่าว่าช่วงนั้นก็กัดฟันเรียนให้จบ จากนั้นมาต่อคณะอักษรศาสตร์ ม.ศิลปากร ผลคือแฮปปี้ขึ้น เพียงแต่ต้องปรับตัวใหม่หมด แล้วจากที่เคยคิดว่าตัวเองภาษาโอเค  พอเข้าไปก็ถึงกับร้องโอ้โหเลย เพราะต้องมาต่อสู้กับเพื่อนที่เทพภาษากันมาก 

เพราะลึกๆ แล้ว เจ้าตัวอยากเรียนเอกละครเวที ตอนปี 2 เทอม 1 ที่เข้าเอก จึงตัดสินใจเลือกเอกศิลปะการละคร โทภาษาอังกฤษ ได้เรียนทั้งวรรณกรรมคลาสสิกแบบค่อนข้างลึก ฝึกวิจารณ์ภาพยนตร์ เขียนสคริปต์ ฯลฯ ได้เรียนรู้ภาษา การจับ feeling ของคน ช่วยให้นำเสนอสารได้อย่างลุ่มลึก แล้วก็จบด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2"

"เบลล์ พิชิตชัย" เล่าต่อว่า งานแรกหลังเรียนจบคือครีเอทีฟที่ Greenwave 106.5 FM ตนเองรู้สึกประทับใจมากที่เขาดูความสามารถเราจริงๆ ถึงไม่จบนิเทศฯ มาเขาก็ไม่ตัดเราทิ้งทันที หลังจากเข้ามาพี่ก็ได้จับงานหลายแบบมาก เช่น โปรโมต Club Friday, กรีนคอนเสิร์ต, พิจารณาลำดับเพลง, บรีฟสคริปต์ดีเจ, ออกความเห็นในโปรเจกต์ต่างๆ 

จุดเริ่มต้นงานพากย์คือ "การผลิต spot โฆษณาวิทยุ" บางตัวพี่จะคิด copy และเลือก Announcer เอง จนวันนึง "เบลล์" เขียนเสร็จ แต่ไม่มีคนที่มาพูดได้ในวันนั้น เราก็คิดว่า เฮ้ย ทำไมไม่ลองพากย์เองล่ะ? แล้วก็ลองเลย กลายเป็นค้นพบความสุขอีกอย่างว่าเราชอบอยู่หลังไมค์นะ พอเอางานนี้ให้เมเนเจอร์พรูฟ ปรับนิดหน่อยก็ออนจริงได้เลย จากนั้นก็ได้ทำบ่อยขึ้น ฝึกจริงจัง บอกตัวเองว่าจะทำงานพากย์จริงจังให้ได้ ควบคู่กับงานที่ทำอยู่ตอนนี้

แน่นอนว่าโอกาสคงไม่เข้ามาหาถ้าเราไม่เปิดช่องไว้ ตอนนั้นจึงได้รวม track ทั้งหมดที่เคยพากย์ ไรต์ใส่แผ่น  CD ไปประมาณ 20 กว่าสำเนา และขอคำปรึกษาจากพี่นักพากย์อาชีพ แล้วก็ได้คำแนะนำว่าให้ไปหาสตูดิโอแล้วเอาเสียงไปฝากไว้  จน 3-4 เดือนผ่านไปก็มีงานแรกเข้ามา แล้วทยอยมาอีกเรื่อยๆ โดยใน 1 ปี มีสัก 10 งานในที่สุดเสียงเรา ก็เริ่มเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของคนตลอดจนถึงปัจจุบัน นี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมคนมาติดตามเบลล์ใน TikTok"

จุดเริ่มต้นของการเข้าสู่โลกออนไลน์และมีคลิปเป็นชิ้น เป็นอันและคนเริ่มพูดถึงอยู่ช่วงหนึ่งคือ มีวันนึงพี่อยากลองหันมาทางบันเทิงบ้าง เปิด TikTok ลงคอนเทนต์ให้ทุกคน enjoy ใช้เสียงที่ทุกคนคุ้นเคยนี่แหละ เขาจะได้รู้สึกอิน ตนเองเลยดึงสิ่งที่ทำอยู่แล้ว มาคิดสคริปต์ สร้างบทพูดจากพื้นฐานครีเอทีฟที่มีอยู่โดยดึงเหตุการณ์ที่คนมีส่วนร่วมเยอะๆ เวลาคนขอกำลังใจ เราก็อัดคลิปให้ ก่อนลงจะเช็กองค์ประกอบว่าโอเคมั้ย แล้วจะไม่พูดคำหยาบ (ชีวิตจริงก็ไม่พูดอยู่แล้ว) ไม่ล้อเลียนใดๆ คิดรอบด้านไม่ให้กระทบกระเทือนใคร

และแน่นอนว่าจากจุดนั้นเองวงการอินฟลูเอนเซอร์ก็เริ่มที่จะได้รับความนิยมมากขึ้น บวกกับความสามารถที่หนุ่มเบลล์ มีอยู่แล้ว บอกเลยว่าตอนนี้เป็น อินฟลูเอนเซอร์หนุ่มอีกหนึ่งคนที่งานชุกไม่เบาเลยทีเดียว ดูได้จากทั้ง Tiktok หรือแม้แต่อินสตาแกรมของเจ้าตัว 

ทั้งนี้ตามข้อมูลเบลล์ ยังแนะนำไว้ว่า "แพลตฟอร์มออนไลน์ช่วยเราได้ตอนไม่มีงาน การวางเป้าหมาย คิดเป็นกลยุทธ์ สำคัญในยุคนี้มากๆ ทุกองค์กรต้องการคนมาขับเคลื่อนโซเชียลทุกแพลตฟอร์มที่เขามี เวลาสมัครงานเขาอาจจะทดสอบว่าเรารู้เรื่องพวกนี้มากน้อยแค่ไหน ถ้าเราเชี่ยวชาญก็ได้เปรียบอยู่แล้ว แนะนำให้ลองศึกษาแอปฯ ที่เราใช้แบบจริงจัง"

ขอบคุณข้อมูลจาก : dek-d  , bel_l_