วิ่งไม่ได้ตลอดชีวิต "ตู่ ปิยวดี" หลังผ่าตัด ขาขวาลีบ กระดูกขาไม่เท่ากัน 

หลังจากผู้จัดละครคนเก่ง ตู่ ปิยวดี มาลีนนท์ เปิดเผยว่า ต้องเข้ารับการผ่าตัด เนื่องจากมีอาการกระดูกเข่าร้าว โดยคุณหมอบอกว่าจะวิ่งไม่ได้ตลอดชีวิต ต้องหมั่นทำกายภาพ เพื่อให้กล้ามเนื้อขาแข็งแรง ล่าสุด (7 กันยายน 2565) ตู่ปิยวดี ได้ออกมาให้สัมภาษณ์อัปเดตอาการหลังผ่าตัดว่า ตอนนี้ดีขึ้น แต่ต้องทำกายภาพ เพราะพอผ่าตัดกล้ามเนื้อก็จะลีบลง เหมือนมันเรียนรู้เองโดยธรรมชาติ ลีบลงต่างกันครึ่งต่อครึ่ง ตอนนี้ต้องพยายามกายภาพแบบกระตุ้นไฟฟ้าเหมือนเครื่องที่ใช้ทำซิกแพก แต่มาทำที่ขาแทน เพื่อให้กล้ามเนื้อกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งก็ยังไม่กลับมา 100%

ถามคุณหมอว่าต้องใช้เวลานานเท่าไร คุณหมอตอบว่า บอกไม่ได้ อยู่ที่ความขยันด้วยว่าจะไปกายภาพได้บ่อยแค่ไหนอย่างน้อยต้องอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง แต่ตอนนี้ไปได้แค่อาทิตย์ละครั้ง มีปัญหาในการใช้ชีวิตอยู่บ้าง เช่น ถ้าเดินเยอะ ๆ ขาข้างที่มีปัญหาจะเมื่อยกว่าอีกข้างหนึ่ง เพราะกล้ามเนื้อเล็กกว่า พอไปใช้งานเท่ากันมันก็จะเมื่อยกว่า หรือเมื่อก่อนใส่ส้นสูงได้ถึง 6 นิ้ว แต่ตอนนี้ก็ลดลงมา หลังผ่าตัดเสร็จเมื่อช่วงเดือนมกราคม ในช่วง 3 เดือนแรกยังทำอะไรไม่ได้เลย ก่อนจะเริ่มมาทำกายภาพบำบัดตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงปัจจุบัน ส่วนสาเหตุ คุณหมอบอกว่าเป็นมาตั้งแต่เกิดแต่เพิ่งมาเจอว่ามันเป็นปัญหาในตอนนี้ 

กระดูกใหญ่กว่าอีกชิ้นหนึ่ง ซึ่งจริง ๆ มันควรต้องเท่ากัน พอใหญ่กว่าก็เลยกระแทกจนกระดูกอีกชิ้นหนึ่งแตก คุณหมอจึงแนะนำให้ไปตัดแต่งกระดูกให้เท่ากัน

ช่วงที่มีอาการ ถึงขั้นเดินไม่ได้เลย เพราะเข่าบวมมาก ตอนแรกคุณหมอนึกว่ามีน้ำในเข่า พยายามใช้เข็มเจาะดูดน้ำออก แต่แป๊บเดียวก็กลับมาบวมใหม่ คุณหมอจึงรู้สึกว่าข้างในต้องมีปัญหาแล้ว จึงทำ MRI และผ่าตัดเลย ตอนที่รู้ว่าต้องผ่าตัดก็กลัว แต่คุณหมอบอกว่าไม่ต้องห่วง เพราะเคยดูแลนักกีฬาทีมชาติและผ่าตัดให้หลายคนแล้ว ก็กลับมาเล่นกีฬาได้ ซึ่งพอผ่าตัดเสร็จแผลเล็กมาก

ตอนที่คุณหมอบอกว่าจะวิ่งไม่ได้อีกแล้วในชีวิต ตอนนั้นตู่กำลังฝึกวิ่งมาราธอน แต่คุณหมอไม่แนะนำให้วิ่งเลย ก็ดับฝันไป วิ่งไม่ได้ แต่เดินได้ก็โอเค ส่วนเรื่องดวงตา คุณหมอบอกว่าเป็นต้อลม ไม่ต้องผ่าตัด แต่ต้องปรับพฤติกรรมในการใช้โทรศัพท์มือถือ ไม่ควรเล่นในที่แสงน้อย ๆ

ตู่ ปิยวดี ยอมรับว่า ปีนี้ป่วยบ่อยจนเริ่มคิดไปถึงเรื่องเจ้ากรรมนายเวรแล้ว ตอนนี้เริ่มสวดมนต์ แผ่เมตตา ขอขมากรรมทุกอย่าง ก็ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้น หลับสบายขึ้น สิ่งที่ทำให้คิดว่าเป็นเรื่องเจ้ากรรมนายเวร เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันหนักมาก เข้าโรงพยาบาลไปแล้ว 3 ครั้ง และคุณหมอยังพูดประมาณว่า ปกติเคสแบบนี้เจอน้อยมาก ที่เกิดมาแล้วกระดูกเข่า 2 ชิ้นจะใหญ่ไม่เท่ากัน อีกทั้งแบคทีเรียที่ลงกระเพาะก็เจอยากมาก ก็เลยรู้สึกว่าทำไมมันมาอยู่ที่เรา ตอนนี้ก็ว่าจะทำบุญที่เกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บ