Trending News

Blog Post

ร้อง ป.ป.ช. สอบ “ไตรรัตน์” รักษาการเลขาฯ กสทช. ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
เศรษฐกิจ

ร้อง ป.ป.ช. สอบ “ไตรรัตน์” รักษาการเลขาฯ กสทช. ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ 

ร้อง ป.ป.ช. สอบ “ไตรรัตน์” รักษาการเลขาฯ กสทช. ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ บิดเบือนข้อมูลดีลควบรวมทรูดีแทค จวกซ้ำปล่อยข่าวปั่นหุ้น เอื้อกลุ่มทุน

วันนี้ (7 ตุลาคม 2565) เมื่อเวลา 10.30 น. นายพรชัย เวศย์วิบุล ทนายและนักกฎหมาย เดินทางเข้ายื่นหนังสือที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เรียกร้องให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการฯ นั้นได้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในการเสนอเอกสารเพื่อเข้าสู่การประชุม การให้ถ้อยคำ หรือ บิดเบือนข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย แถลงต่อสื่อเพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดในทางเอื้อประโยชน์ ให้เกิดการควบรวมโดยไม่สนใจขั้นตอนของกฎหมาย
 

นายพรชัย กล่าวว่า เป็นที่ทราบดีว่า กสทช. ต้องพิจารณากฎหมายแม่บทและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง ต้องปฏิบัติหน้าที่ตาม รัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.ที่จัดตั้งในฐานะองค์กรอิสระ ที่มีหน้าที่กำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมอย่างเป็นอิสระ โดยต้องไม่ยินยอมให้ผู้ใดมาแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช. มิเช่นนั้นอาจถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ โดยเฉพาะการกระทำของรักษาการเลขาธิการ กสทช.ท่านนี้

 

บิดเบือนข้อมูลการควบรวม ก่อนชงเสนอบอร์ด กสทช.

จากผลการศึกษาของอนุกรรมการชุดต่างๆ และของ TDRI ปรากฏชัดว่า หากปล่อยให้มีการควบรวมกัน จะก่อให้เกิดการผูกขาดแบบถาวร ส่งผลต่อราคาที่ผู้บริโภคจะต้องจ่ายเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และกีดกันผู้ประกอบการรายใหม่ ให้ไม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้อีก ซึ่ง กสทช. มีอำนาจตามกฎหมายของตนที่จะพิจารณาไม่อนุมัติให้เกิดขึ้นได้ แต่รักษาการเลขาฯ กลับบิดเบือน ชงเรื่องให้ กสทช. ว่ามีอำนาจเพียงแค่รับทราบรายงานแลกำหนดมาตรการเฉพาะเพื่อควบคุมภายหลังได้เท่านั้น แต่ไม่มีอำนาจที่จะไม่อนุมัติการควบรวมได้ ซึ่งขัดต่อความเห็นของอนุกรรมการด้านกฎหมายที่ กสทช. ตั้งขึ้นมาเอง นักวิชาการ สภาผู้บริโภค อาจารย์นิติศาสตร์ต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะเป็นการบิดเบือนไปจากที่สำนักงาน กสทช. ได้เคยไปให้การต่อศาลปกครอง ในคดีหมายเลขดำที่ 775/2565 ว่า กสทช.มีอำนาจพิจารณาที่จะอนุมัติหรือไม่อนุมัติ

ร้อง ป.ป.ช. สอบ “ไตรรัตน์” รักษาการเลขาฯ กสทช. ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ

 

ชงผลศึกษา ของที่ปรึกษา(ไม่)อิสระ ทั้งที่รู้ว่าข้อมูลไม่ครบ

 

มีความผิดปกติในการดำเนินงานของรักษาการเลขาธิการ กสทช. ในประเด็นการแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด เป็นที่ปรึกษาอิสระ เนื่องจากมีผู้บริหารระดับสูงของ TRUE เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่มีความเกี่ยวโยงกันทั้งทางตรงและทางอ้อม แม้ว่า กมธ.วิสามัญ พิจารณาศึกษาผลกระทบกรณีการควบรวมกิจการโทรคมนาคมระหว่าง True กับ Dtac และการค้าปลีก-ค้าส่ง สภาผู้แทนราษฎร จะเคยมีข้อเสนอทักท้วง คุณสมบัติของที่ปรึกษาอิสระนั้นอาจไม่มีความเป็นอิสระจริง รวมทั้งอาจขัดต่อหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกกรรมการอิสระที่ กสทช. ได้มีการกำหนดไว้ แต่สำนักงาน กสทช. โดย ผู้ถูกร้องเรียน กลับละเลย ไม่ตรวจสอบแต่อย่างใด แต่ยังยืนยันที่จะใช้ความเห็นของที่ปรึกษาอิสระรายเดิม รวมถึงสำนักงาน กสทช. ก็ยังไม่เคยชี้แจงให้ กสทช. ทราบว่ามีประเด็นดังกล่าวจริงหรือไม่ ซึ่งหาก กสทช. พิจารณาไปแล้ว ภายหลังมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติของที่ปรึกษา ก็จะทำให้มติที่ออกมาไม่ชอบด้วยกฎหมายได้

 

นอกจากนี้รายงานที่ ที่ปรึกษาอิสระรายนี้ทำมา ก็ไม่มีข้อมูลที่ครบถ้วน แม้ว่าจะมีการร้องขอให้จัดทำเพิ่มเติมมาใหม่ แต่ที่ปรึกษารายนี้กลับปฏิเสธ โดยต่อมา สำนักงานได้เป็นผู้จัดทำข้อมูลในส่วนนี้เอง จึงมีประเด็นว่าจะเป็นผลทำให้กระบวนการพิจารณาของ กสทช. ไม่ถูกต้องไปด้วยหรือไม่ รวมถึงรักษาการเลขาฯ ก็ละเว้นและไม่ดำเนินการโต้แย้งใดๆ กลับช่วยดำเนินการทำเสียเองทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ของตน อันเป็นการกระทำที่เอื้อประโยชน์ต่อผู้อื่นโดยมิชอบ

 

ปล่อยข่าวกฤษฎีกา ลวงประชาชน ปั่นราคาหุ้นผู้ควบรวม

ต่อมา เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2565 ได้มีการเปิดเผยต่อสื่อมวลชน (โดยผู้จัดการออนไลน์) จากรักษาการเลขาฯ ว่าสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตีความอำนาจการพิจารณาการควบรวมว่า กสทช. ไม่มีอำนาจอนุญาตการรวมธุรกิจ มีเพียงอำนาจในการกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะ แต่จากข้อเท็จจริง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นในทางตรงกันข้ามว่า กสทช. มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ในการพิจารณาอนุญาตในกรณีการรวมธุรกิจที่มีลักษณะเป็นการถือครองธุรกิจประเภทเดียวกัน ซึ่งทำให้สาธารณชนเกิดความเข้าใจผิดถึงอำนาจหน้าที่ของ กสทช. เกิดความสับสนต่อผู้บริโภคทั่วประเทศ ที่มีความคาดหวังต่อการทำหน้าที่ของ กสทช.

 

แม้ว่าหลังจากนั้น รักษาการเลขาฯ ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ให้ข่าว แต่ผลหลังจากที่ข่าวปรากฎออกไปในครั้งแรกนั้น ทำให้ราคาหุ้นของ ทรู และ ดีแทค ที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากและราคาตกลงในเวลาต่อมาเมื่อมีการออกข่าวปฏิเสธ ซึ่งเป็นที่น่าสงสัยว่า หากรักษาการเลขาฯ ไม่ได้เป็นผู้ให้ข่าวตามที่กล่าวอ้าง ควรรีบออกมาปฏิเสธโดยเร็ว แต่ทำเหมือนรอเวลาหรือผลประโยชน์แอบแฝงบางอย่าง มิหนำซ้ำยังไม่มีกล่าวโทษต่อสื่อที่นำเสนอข่าวที่เสนอข่าวบิดเบือนทำให้ตนเองเสียหาย ถูกเข้าใจผิดแต่อย่างอย่างใด และก็มิใช่ครั้งแรกที่รักษาการเลขาฯ มีการให้ข่าวที่ไม่เป็นความจริง เพราะก่อนหน้านี้เคยให้ข่าวว่า สำนักงาน กสทช. รวบรวมข้อมูลเสร็จสมบูรณ์แล้วและจะรายงานต่อที่ประชุม กสทช. ในวันที่ 14 กันยายน 2565 แต่ก็ปรากฏในภายหลังว่า ไม่มีวาระการพิจารณาเรื่องนี้ในวันดังกล่าว ประจวบเหมาะกับราคาหุ้นทรูและดีแทค ที่มีการพุ่งขึ้นในจังหวะเดียวกันอย่างน่าสงสัย

ร้อง ป.ป.ช. สอบ “ไตรรัตน์” รักษาการเลขาฯ กสทช. ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ

 

นายพรชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า จากข้อเท็จจริงและหลักฐานที่ปรากฏอย่างชัดแจ้ง เห็นได้ว่าการกระทำของ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการ กสทช. ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เข้าข่ายเป็นกก็กการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ท้ายที่สุด ยังมีพฤติกรรมส่อความร่ำรวยผิดปกติ จึงใคร่ขอให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พิจารณาตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงการยื่นบัญชีทรัพย์สินและการเพิ่มขึ้นของทรัพย์สินอย่างละเอียดด้วย
 

 

ติดตาม คมชัดลึก ที่นี่

เพิ่มเพื่อน Line: https://lin.ee/qw9UHd2

Facebook : https://www.facebook.com/komchadluek/

 

 

Related posts

© Copyright 2018, All Rights Reserved