ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา" ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี นับตั้งแต่ 6 เม.ย. ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี 60 ถือยังสิ้นสุดหน้าที่
หลังจากฝ่ายค้านยื่นให้สภาผู้แทนราษฎรส่งเรื่องตีความ สถานะความเป็น นายกรัฐมนตรี ของ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" สิ้นสุดลงเป็นการเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรคสี่ ระหว่างวันที่ 24 ส.ค. 2557-24 ส.ค. 2565 หรือไม่
ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย มติเสียงข้างมากเห็นว่า ให้นับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2560 คือ "วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ปี2560" ถือว่า ความเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรคสี่
ส่วนการดำรงตำแหน่งก่อนหน้าปี2560 ถือเป็นการดำรงตำแหน่งตามบทเฉพาะกาล
ขณะที่บันทึกของกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ ถือไม่ใช่ความเห็น แต่เป็นข้อถกเถียงในที่ประชุม ไม่ใช่การขยายความบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ จึงไม่นับว่าสถานะนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง
สำหรับรายละเอียดนั้น เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี (ผู้ถูกร้อง) ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบกำหนดเวลาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรคส4 ที่บัญญัติว่า "นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตำแหน่ง" เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรค2 ประกอบมาตรา158 วรรค4
ต่อมา วันที่ 24 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยและมีคำสั่งให้พล.อ.ประยุทธ์ หรือ ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี นับตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2565 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 8วรรค2
จากนั้นศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาคำร้องเพิ่มเติม โดยความเห็นเป็นหนังสือ และข้อมูลพร้อมเอกสารหลักฐานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมไว้ในสำนวนและเห็นว่า คดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายและมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 58 วรรค1
ศาลรัฐธรรมนูญพิเคราะห์แล้ว มีมติโดยเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 วินิจฉัย พล.อ.ประยุทธ์ หรือ ผู้ถูกร้องดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามความในมาตรา 264 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช2560 นับแต่วันที่ 6 เมษายน 2560 ถึงวันที่ 24 สิงหาคม 2565 ผู้ถูกร้องดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรียังไม่ครบกำหนดเวลาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 256 มาตรา 157วรรค4 ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีผู้ถูกร้องไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 256 มาตรา 170 วรรค2 ประกอบมาตรา 158 วรรค4
ภายหลังการฟังคำวินิจฉัยเสร็จสิ้น พล.ต.วิระ โรจนวาศ ฝ่ายกฎหมายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เปิดเผยว่า ส่วนตัวทีมกฎหมายพอใจคำวินิจฉัย ถือว่าสมเหตุสมผล ทีมกฎหมายทำงานกันหนักเพื่อหาเหตุผลมาชี้แจงทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมาย วันนี้ถือว่าสิ้นสุดคำครหา เพราะศาลชี้ขาดแล้ว
ส่วนมติศาลรัฐธรรมนูญ ก็ถือว่าเป็นการตอกย้ำพล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็นนายกรัฐมนตรีได้ต่อถึง 2568
ขณะเดียวกันในฐานะตัวแทนนายกฯ คงไม่สามารถพูดแทนได้ทั้งหมด และอยากให้ทุกคนเคารพศาล เพราะยังเป็นที่พึ่งได้ ส่วนที่มีการนัดชุมนุมนั้น ไม่ห่วงเพราะเชื่อว่าฝ่ายความมั่นคงดูแลได้
Related posts
- เพื่อไทย กระทุ้ง พล.อ.ประยุทธ์ คืน 'บ้านพักหลวง' – ลุงตู่ แจงต้องแก้กฎกระทรวง
- อาลัย 'น้องเบนซ์' รร.ราชวินิตมัธยม เหยื่อ ถังดับเพลิง ระเบิด พบ ทำเพจดัง
- เรื่องย่อ 'ปิดเมืองล่า PATTAYA HEAT' หนังไทยฟอร์มยักษ์ ทุ่มทุนสร้าง 100 ล้าน
- ปรับโอน ‘เงินบำนาญชราภาพ’ ผู้ประกันตน ‘เดือนตรงเดือน’
- กนอ. เซ็นเอ็มโอยู รับมือเหตุไฟไหม้ ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู-ลาดกระบัง
Lastest
เพื่อไทย กระทุ้ง พล.อ.ประยุทธ์ คืน 'บ้านพักหลวง' – ลุงตู่ แจงต้องแก้กฎกระทรวง
เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดประเด็น กดดันนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ถึงเวลาแสดงสปิริต เมื่อพ้นจากตำแหน่งผู้นำ ควรคืน "บ้านพักหลวง" ชี้ด้วยบทบาทข้าราชการการเมืองไม่ควรนำเอาระเบียบกองทัพมาใช้ ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ เป็นเรื่องของกติกาเดิม ถ้าจะแก้ไขต้องไปแก้กฎกระทรวง
กนอ. เซ็นเอ็มโอยู รับมือเหตุไฟไหม้ ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู-ลาดกระบัง
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จับมือบริษัท อำนวยการดับเพลิง ร่วมระงับเหตุอัคคีภัย หรือ ไฟไหม้ ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู-ลาดกระบัง