ผลชันสูตร "น้องจีฮุน" เด็กหญิง วัย 7 ขวบ ที่ถูกลืมในรถตู้ของโรงเรียน แพทย์พบสีตับเปลี่ยน จากสีแดง หรือชมพู คาดสาเหตุเกิดจาก "ภาวะฮีทสโตรก" และไม่พบร่องรอยการทำร้ายร่างกาย
6 ก.ย. 2565 เมื่อเวลา 11.20น. ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อม นพ.ศราวุฒิ สุจริตธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านนิติเวช สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าพบ พล.ต.ต.สุพิไชย ลิ่มศิวะวงศ์ ผบก.นต.รพ.ตร.เพื่อติดตามผลการชันสูตรศพของ น้องจีฮุน เด็กหญิง วัย 7 ขวบ ที่เสียชีวิต หลังครูลืมอยู่บนรถตู้รับส่งของโรงเรียนใน อ.พานทอง จ.ชลบุรี เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 30 สิงหาคม ที่ผ่านมา
ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต เปิดเผยว่า แม่ ของ ด.ญ. 7 ขวบ ที่เสียชีวิต ต้องการให้กระทรวงยุติธรรม ตรวจสอบกระบวนการผ่าพิสูจน์ของสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ โดยมีผู้เชี่ยวชาญของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม มาร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งปรากฎว่าไม่พบความผิดปกติ
ทั้งนี้ การทำงานมีทั้งหมด 5 ขั้นตอน ดังนี้
1.การบันทึกเสื้อผ้า
2.ตรวจสภาพร่างกายภายนอก
3.ตรวจบาดแผลนอกร่างกาย
4.เก็บวัตถุพยานเช่น เลือด ช่องคลอด ทวารหนัก เล็บ ชิ้นเนื้อ อาหารในกระเพาะอาหาร เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุการเสียชีวิต และ
5.การผ่าพิสูจน์ร่างกาย เบื้องต้นพบร่องรอยการพกช้ำตามแขนและใบหน้า รวมทั้งหมด 9 จุด ไม่พบกระดูกหัก ไม่มีการข่มขืน ไม่มีร่องรอยการบีบคอ
ที่สำคัญ พบว่าตับเปลี่ยนออกเป็นสีเหลือง ซึ่งปกติตับจะเป็นสีแดงหรือชมพู จึงคาดว่าสาเหตุการเสียชีวิตอาจเกิดจากภาวะฮีทสโตรก
ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต กล่าวอีกว่า สำหรับรอยเปื้อนบนชุดนักเรียนนั้น คาดว่า เกิดจากการที่ น้องจีฮุน ลงไปนอนบนพื้นรถที่เปื้อนฝุ่น ซึ่งแพทย์ระบุว่า ศพอยู่ในลักษณะคว่ำหน้า ทำให้เลือดตก จนอาจทำให้เกิดแผลถลอกที่แก้มซ้าย ส่วนที่เยื่อบุตาไม่พบเลือดออก เช่นเดียวกับสมอง เพราะหากพบก็จะคาดว่าอาจเกิดจากการกระแทกได้
ในส่วนของการผลการผ่าพิสูจน์ศพนั้น คาดว่าจะได้รับในวันที่ 15 ก.ย.นี้ โดยร่างของ น้องจีฮุน จะอยู่ในความดูแลของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ รังสิต หากครอบครัวไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตก็จะนำไปฌาปนกิจต่อไป
ด้าน นพ.ศราวุฒิ กล่าวว่า อาการฮีทสโตรกในเด็กนั้น เกิดจากการควบคุมอุณหภูมิในสมองของเด็กที่ยังไม่ดีเท่าผู้ใหญ่ จึงทำให้เด็กทนต่อความร้อนได้น้อยกว่าผู้ใหญ่ ซึ่งเด็กอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ขณะที่ผู้ใหญ่อาจใช้เวลา 15 นาทีขึ้นไป ซึ่งภาวะฮีทสโตรก จะทำให้รู้สึกสับสน ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ชัก และหมดสติ กระทั่งร่างกายล้มเหลว ซึ่งภาวะฮีทสโตรกสามารถตรวจพบเลือดออกตามจุดต่างๆ ของร่างกายได้เช่นกัน
ดังนั้นการแก้ปัญหาและป้องกันการลืมเด็กไว้ในรถ จึงควรตรวจเช็กเด็กก่อนลงจากรถทุกครั้ง สำหรับบาดแผลพกช้ำตามร่างกายน้องจีฮุนตามแขนและขานั้น สันนิษฐานว่า อาการฮีทสโตรกอาจทำให้น้องจีฮุน ฟาดแขนและขาไปในรถ เพราะตำแหน่งของร่างกายเข้ากันได้กับส่วนต่างๆ ภายในรถ อย่างไรก็ตาม ต้องนำข้อมูลการพิสูจน์หลักฐานของตำรวจมาประกอบกันอีกครั้ง
คมชัดลึก ยังมีเนื้อหาสาระอื่นๆ ดูเพิ่มเติมได้ที่
Website – www.komchadluek.net
LineToday – https://today.line.me/th/v2/publisher/100057
เช็กรายชื่อศิลปินเข้าชิง "คมชัดลึก ลูกทุ่ง Awards 2565" ใครคือ 6 Candidate กับ 8 สาขา Popular Vote ได้ที่นี่
( https://awards.komchadluek.net/# )
Related posts
- เพื่อไทย กระทุ้ง พล.อ.ประยุทธ์ คืน 'บ้านพักหลวง' – ลุงตู่ แจงต้องแก้กฎกระทรวง
- อาลัย 'น้องเบนซ์' รร.ราชวินิตมัธยม เหยื่อ ถังดับเพลิง ระเบิด พบ ทำเพจดัง
- เรื่องย่อ 'ปิดเมืองล่า PATTAYA HEAT' หนังไทยฟอร์มยักษ์ ทุ่มทุนสร้าง 100 ล้าน
- ปรับโอน ‘เงินบำนาญชราภาพ’ ผู้ประกันตน ‘เดือนตรงเดือน’
- กนอ. เซ็นเอ็มโอยู รับมือเหตุไฟไหม้ ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู-ลาดกระบัง
Lastest
เพื่อไทย กระทุ้ง พล.อ.ประยุทธ์ คืน 'บ้านพักหลวง' – ลุงตู่ แจงต้องแก้กฎกระทรวง
เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดประเด็น กดดันนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ถึงเวลาแสดงสปิริต เมื่อพ้นจากตำแหน่งผู้นำ ควรคืน "บ้านพักหลวง" ชี้ด้วยบทบาทข้าราชการการเมืองไม่ควรนำเอาระเบียบกองทัพมาใช้ ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ เป็นเรื่องของกติกาเดิม ถ้าจะแก้ไขต้องไปแก้กฎกระทรวง
กนอ. เซ็นเอ็มโอยู รับมือเหตุไฟไหม้ ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู-ลาดกระบัง
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จับมือบริษัท อำนวยการดับเพลิง ร่วมระงับเหตุอัคคีภัย หรือ ไฟไหม้ ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู-ลาดกระบัง