| On 2 years ago

การขยายพันธุ์ เฟินเขากวาง เพื่อสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร

เฟิร์นเขากวาง  ไม้ประดับที่มีเสน่ห์เมื่อต้นสมบูรณ์เต็มที่ จะสร้างใบออกมาครอบปากกระถางจนมิด เพื่อรักษาความชื้นไว้ในวัสดุปลูกไม่ให้ระเหยไปในอากาศ จึงมักนำมาแต่งบ้านหรือคาเฟ่ต่างๆ เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับตัวบ้านหรือสถานที่นั้นๆ

ทางด้านสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน)ได้มีการนำ เฟิร์นเขากวาง มาทดสอบก่อนนำมาส่งเสริม และพบว่าสามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรได้ดี

ฟิร์นเขากวาง เป็นไม้ประเภทเกาะอาศัยอยู่บนคาคบไม้ เฟิร์นชนิดนี้ ผิวใบด้านบนมีสีเขียวเข้มกว่าด้านล่าง กระเปาะที่สร้างสปอร์อยู่ที่ใบด้านล่างดังกล่าว ด้วยรูปร่างของใบคล้ายเขากวาง จึงเรียกกันว่า เฟิร์นเขากวาง แหล่งที่อยู่อาศัยในธรรมชาติ ต้องการร่มเงา และมีความชื้นในบรรยากาศสูง การขยายพันธุ์ทำได้ทั้งการแยกต้นและเพาะสปอร์ วิธีหลังทำได้ไม่ยาก โดยการนำวัสดุปลูกใส่ลงในภาชนะบรรจุ แล้ววางไว้ใกล้กับต้นเฟิร์นที่เป็นหนุ่มสาวแล้ว เมื่อสปอร์ตกลงในวัสดุปลูก เช่น ขี้เลื่อยชุ่มน้ำ มันจะงอกเป็นต้นอ่อน และเติบโตเป็นต้นสมบูรณ์ต่อไป

สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

กลางวันอยู่ในช่วง 19-27 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิกลางคืนลดลงต่ำกว่าอุณหภูมิกลางวันประมาณ 4-6 องศาเซลเซียส แสงสว่างประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ ความชื้นในอากาศประมาณ 60-80 เปอร์เซ็นต์

การขยายพันธุ์เฟิร์นเขากวาง

1) วิธีการขยายพันธุ์เฟิร์นเขากวาง

โดยการเพาะสปอร์ คือ เริ่มจากการเก็บสปอร์ใต้ใบเฟิร์น โดยเลือกจากกลุ่มอับสปอร์ที่มีสีน้ำตาลอ่อนถึงสีน้ำตาลเข้ม ซึ่งแสดงว่าสปอร์มีความแก่เต็มที่ ใช้มีดตัดใบเฟินส่วนที่มีสปอร์เก็บไว้ในซองกระดาษที่ไม่ทำให้สปอร์ขนาดเล็กฟุ้งกระจาย จากนั้นเก็บไว้ในบริเวณที่ร่มและแห้งภายใน 1-2 วัน สปอร์ก็จะแตกออกหมดแล้วใช้คีมขนาดเล็กคัดเอาอับสปอร์ และส่วนของใบหรือสิ่งต่างๆออกจากสปอร์แล้วเก็บสปอร์ทั้งหมดเตรียมเพาะต่อไป

2) การแบ่งกอเฟิร์นเขากวาง

การขยายพันธุ์ด้วยการแบ่งกอจะใช้กอที่มีอายุนานประมาณ 2-4 ปี มาแบ่งแยกเพื่อปลูกใหม่ อีกครั้งหนึ่ง

การดูแลรักษา

1. การจัดการด้านความเข้มแสง

ปลูกภายใต้โรงเรือนหรือปลูกในกระถาง อยู่ในโรงเรือนที่มุงซาแรนขนาด 70 เปอร์เซ็นต์

2. การจัดการด้านอุณหภูมิ

อุณหภูมิในโรงเรือนที่มีความเหมาะสม คือ 19-27 องศาเซลเซียส ในช่วงกลางวัน

3. ปุ๋ย

ควรรดปุ๋ยน้ำพร้อมกับการรดน้ำต้นพืชสัปดาห์ละ 2 ครั้ง จนกระทั่งเริ่มตัดดอกโดยสูตรผสม ดังนี้

 ปุ๋ย                               ถัง A (กิโลกรัม)        ถัง B (กิโลกรัม)

โมโนแอมโมโนฟอสเฟต  11-60-0              8                 –

แคลเซียมไนเตรท   15-0-0                  –                20 

โปรแตสเซียมไนเตรท 13-0-46               10               10

แมกนีเซียมซัลเฟต   MgSo4.7H2O          4                 –

ยูนิเลท                                0.5               – 

 

ปุ๋ยน้ำเข้มข้น(Stock) ตวงปุ๋ยน้ำสูตรA และ B อย่างละ 1 ลิตร ผสมน้ำสะอาดจำนวน 200 ลิตร คนให้เข้ากันก่อนรดน้ำพืชสามารถรดต้นพืชได้ 100-150 ตารางเมตร ควรให้ปุ๋ยเสริม เช่น ยูเรีย ละลายน้ำในระยะแรกของการเจริษเติบโตหรือปุ๋ยเกร็ดไบโฟลาน ปุ๋ยปลาเสริมเป็นบางครั้งแล้วแต่ความเหมาะสม

 

โรคและศัตรูพืชเฟิร์นเขากวาง

ใบเป็นจุดและโรคไหม้

สาเหตุ :เชื้อรา Rhizoctonia sp.

อาการ :ใบเป็นจุดขนาดใหญ่ ขอบแผลสีน้ำตาลเข้ม กลางแผลซีด ปลายใบไหม้

วิธีป้องกัน

-ตัดแต่งส่วนที่เป็นโรคออกจากแปลงปลูกเผาทำลาย

-ฉีดพ่นสารเคมีบีโนมิล (เบนเลท โอดี, โฟโนมิลหรือฟันดาโซล) สลับกับแคปแทน(ออโธไซด์) หรือไตโคลเฟส-เมทธิล (ไรโซเล็กซ์) ทุก 5-7 วัน จนกว่าไม่พบการระบาด

แมลงด้วงปีกแข็ง

ลักษณะตัวเล็กมีฟันแหลมคม ชอบกัดกินยอดใบอ่อนเป็นอาหาร ทำให้ใบมีตำหนิหรือเสียหายได้

วิธีป้องกันเฟิร์นเขากวาง

– จับตัวทั้งเป็นมาทำลายซึ่งเป็นวิธีที่ใช้ได้ผลมาก 

– ใช้ศัตรูธรรมชาติทำลาย เช่น นก

– ใช้สารเคมีกำจัดแมลงฉีดพ่น

การให้น้ำ

ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอถ้าดินยังมีความชื้นให้ลดความถี่ของการให้น้ำลงโดยการทดสอบบีบเนื้อดิน การปลูกภายในโรงเรือนซาแรนดำควรระมัดระวังเรื่องน้ำขัง โดยอาจต้องทำการยกร่องระบายน้ำเนื่องจากความชื้นที่มากเกินไปทำให้ต้นเน่าได้

การเก็บเกี่ยว

1) ระยะเก็บเกี่ยว

ใบต้องมีความแก่พอเหมาะสม และมีความสดไม่มีโรคและแมลงทำลายใบตรงคดงอได้ไม่เกิน 30 องศา

2) วิธีการเก็บเกี่ยว

ใช้กรรไกรตัดใบที่แก่และสดมีสีเขียว

3) การวัดมาตรฐาน

เกรด 1 ความยาวของใบ 70-80 เซนติเมตร

     ความกว้างของใบ 20-30 เซนติเมตร

เกรด 2 ความยาวของใบ 60-70 เซนติเมตร

     ความกว้างของใบ 15-20 เซนติเมตร

เกรด U ความยาวของใบ 50-60 เซนติเมตร

     ความกว้างของใบ 15-20 เซนติเมตร

4) ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเก็บเกี่ยว

ควรตัดตอนเช้าหรือตอนเย็น

การจัดการหลังการเก็บเกี่ยว

– ควรแช่น้ำยารักษาอายุการใช้ของดอกไม้

– ในระหว่างการเก็บรักษา หรือการขนส่ง ควรอยู่ในที่ร่ม แสงแดดส่องไม่ถึง