"เช็คสิทธิประกันสังคม" สำหรับผู้ประกันตน ที่สมัครสิทธิประกันสังคม แต่ละมาตรา ทั้ง มาตรา 33, มาตรา 39 และ มาตรา 40 มีความแตกต่างกันอย่างไร วันนี้มาไขข้อสงสัย รวมทั้งขั้นตอนการเช็คสิทธิ และ การหักเงินสมทบประกันสังคม แบบละเอียด
สำหรับ ประกันสังคม คือการสร้างหลักประกันในการดำรงชีวิตของผู้ประกันตน โดยผู้ประกันตนจะจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม เพื่อเฉลี่ยความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเจ็บป่วย, คลอดบุตร, ทุพพลภาพ, ตาย, สงเคราะห์บุตร, ชราภาพ และว่างงาน มีการคุ้มครองผู้ประกันตน โดยแบ่งเป็น 3 มาตราหลัก ๆ ได้แก่
ประกันสังคมมาตรา 33
คือ ลูกจ้าง ผู้ซึ่งทำงานให้กับนายจ้างที่อยู่ในสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ได้รับความคุ้มครอง 7 กรณี
- กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
- กรณีคลอดบุตร
- กรณีทุพพลภาพ
- กรณีตาย
- กรณีสงเคราะห์บุตร
- กรณีชราภาพ
- กรณีว่างงาน
ประกันสังคมมาตรา 39
คือ ผู้ประกันตนโดยสมัครใจ โดยเป็นบุคคลที่เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 จ่ายเงินสมทบก่อนออกจากงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน แล้วลาออกจากงานไม่เกิน 6 เดือน แต่ต้องการรักษาสิทธิประกันสังคม โดยได้รับความคุ้มครอง 6 กรณี
- กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
- กรณีคลอดบุตร
- กรณีทุพพลภาพ
- กรณีตาย
- กรณีสงเคราะห์บุตร
- กรณีชราภาพ
หมายเหตุ ยกเว้นกรณีว่างงาน
สิทธิประกันสังคม ผู้ประกันตน ม.33 ม.39
กรณีเจ็บป่วย
- เงื่อนไขในการใช้สิทธิประกันสังคมกรณีเจ็บป่วย หรือประสบอันตราย ผู้ประกันตนต้องส่งเงินสมทบมาไม่น้อยกว่า 3 เดือน ภายใน 15 เดือนก่อนเจ็บป่วย โดยสามารถใช้สิทธิการรักษาพยาบาลที่เลือกไว้ ตั้งแต่เริ่มจนสิ้นสุดการรักษา โดยไม่เสียเงินสักบาท รวมไปถึงการบำบัดไต ปลูกถ่ายอวัยวะ ค่าทำฟัน และเงินทดแทนรายได้ขณะเจ็บป่วย
กรณีทุพพลภาพ
- เงื่อนไขในการใช้สิทธิประกันสังคมกรณีทุพพลภาพ ผู้ประกันตนต้องส่งเงินสมทบมาไม่น้อยกว่า 3 เดือนภายใน 15 เดือนก่อนจะทุพพลภาพ โดยผู้ประกันตนจะได้รับค่าใช้จ่ายตามรายละเอียด ดังนี้
- ค่าใช้จ่ายในกระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพทางกายของผู้ทุพพลภาพ ทั้งร่างกาย และจิตใจ เป็นจำนวนไม่เกิน 40,000 บาทต่อราย
- ค่าอวัยวะเทียม + อุปกรณ์
- ค่าพาหนะรับ – ส่งผู้ทุพพลภาพ 500 บาทต่อเดือน
กรณีเสียชีวิต
- เงื่อนไขในการใช้สิทธิประกันสังคมกรณีเสียชีวิต ผู้ประกันตนต้องส่งเงินสมทบมาไม่น้อยกว่า 1 เดือนภายใน 6 เดือนก่อนที่จะเสียชีวิต โดยผู้ประกันตนจะได้รับค่าใช้จ่ายตามรายละเอียด ดังนี้
- ค่าทำศพ 4,000 บาท
- เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต
กรณีคลอดบุตร
- เงื่อนไขในการใช้สิทธิประกันสังคมกรณีคลอดบุตร ผู้ประกันตนต้องส่งเงินสมทบมาไม่น้อยกว่า 7 เดือนภายใน 15 เดือนก่อนที่จะคลอด โดยผู้ประกันตนจะได้รับค่าใช้จ่ายตามรายละเอียด ดังนี้
- ค่าคลอดบุตรเหมาจ่ายไม่จำกัดจำนวนครั้ง เบิกได้ 13,000 บาทต่อครั้ง
- ผู้ประกันตนฝ่ายหญิงจะได้รับเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรอีกในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ย เป็นเวลา 90 วัน (เบิกได้ไม่เกิน 2 ครั้ง)
- ค่าตรวจและรับฝากครรภ์ ตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานประกันสังคมประกาศกำหนด
กรณีชราภาพ
- เงินสมทบชราภาพของประกันสังคมนั้น ผู้ประกันตนจะได้รับก็ต่อเมื่ออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และสิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตนของประกันสังคม โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับเงินชราภาพ ดังนี้
- อายุครบ 55 ปี สมทบไม่ครบ 180 เดือน (15 ปี) ได้บำเหน็จ
- อายุครบ 55 ปี สมทบตั้งแต่ 180 เดือนขึ้นไป (15 ปี) ได้บำนาญ
- ถ้าค่าจ้างเกินกว่าเดือนละ 15,000 บาท สมทบไม่ครบ 180 เดือน (15 ปี) จะได้บำนาญเดือนละ 3,000 บาท หากส่งเกิน 180 เดือน (15 ปี) จะได้เพิ่มปีละ 225 บาท
กรณีเงินสงเคราะห์บุตร
- เงื่อนไขในการใช้สิทธิประกันสังคม กรณีเงินสงเคราะห์บุตร ผู้ประกันตนต้องส่งเงินสมทบ 12 เดือนภายใน 36 เดือนก่อนมีบุตร โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับเงินสงเคราะห์บุตร คือ บุตรตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จะได้รับเงินสงเคราะห์บุตร 600 บาทต่อเดือนต่อคน ครั้งละไม่เกิน 3 คน
กรณีเป็นคนว่างงาน
- เงื่อนไขในการใช้สิทธิประกันสังคมกรณีเป็นคนว่างงาน ผู้ประกันตนต้องส่งเงินสมทบ 6 เดือนภายใน 15 เดือน ก่อนที่จะว่างงาน โดยเงินคนว่างงาน จะจ่ายให้กับผู้ประกันตนใน 3 กรณี คือ
- กรณีเลิกจ้าง : ได้เงินคนว่างงาน 50% ของค่าจ้างปีละไม่เกิน 180 วัน (6 เดือน)
- กรณีลาออก : ได้เงินคนว่างงาน 30% ของค่าจ้างปีละไม่เกิน 90 วัน (3 เดือน)
- เหตุสุดวิสัย : ได้เงินคนว่างงาน 50% ของค่าจ้างปีละไม่เกิน 180 วัน (6 เดือน)
ประกันสังคมมาตรา 40
คือ บุคคลทั่วไปที่ประกอบอาชีพ หรือแรงงานอิสระ ไม่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 หรือผู้ประกันตนมาตรา 39 โดยได้รับความคุ้มครองมากที่สุด 5 กรณี
- กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
- กรณีทุพพลภาพ
- กรณีตาย
- กรณีสงเคราะห์บุตร
- กรณีชราภาพ
คุณสมบัติของผู้ประกันตนมาตรา 40
- อายุผู้ประกันตนต้อง 15-60 ปี
- บุคคลพิการที่สามารถรับรู้สิทธิประกันสังคม
- ไม่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 และ 39 หรือข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ
โดยสิทธิประกันสังคมที่ผู้ประกันตนมาตรา 40 ใช้ได้ ขึ้นอยู่กับประเภทเงินสมทบที่ส่ง แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ
ส่งเงินสมทบ 70 บาทต่อเดือน
- กรณีประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย ทดแทนการขาดรายได้สูงสุด 300 บาทต่อวัน ไม่เกินปีละ 30 วัน
- กรณีทุพพลภาพ ทดแทนการขาดรายได้ 500 – 1,000 บาทต่อเดือน ไม่เกิน 15 ปี
- กรณีเสียชีวิต รับค่าทำศพ 20,000 บาท และได้เพิ่มอีก 3,000 บาท หากจ่ายเงินสมทบเกิน 60 เดือน
ส่งเงินสมทบ 100 บาทต่อเดือน
- กรณีประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย ทดแทนการขาดรายได้สูงสุด 300 บาทต่อวัน ไม่เกินปีละ 30 วัน
- กรณีทุพพลภาพ ทดแทนการขาดรายได้ 500 – 1,000 บาทต่อเดือน ไม่เกิน 15 ปี
- กรณีเสียชีวิต รับค่าทำศพ 20,000 บาท และได้เพิ่มอีก 3,000 บาท หากจ่ายเงินสมทบเกิน 60 เดือน
- บำเหน็จชราภาพ 50 บาทต่อเดือน ออมเพิ่มได้ 1,000 บาทต่อเดือน
ส่งเงินสมทบ 300 บาทต่อเดือน
- กรณีประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย ทดแทนการขาดรายได้สูงสุด 300 บาทต่อวัน ไม่เกินปีละ 90 วัน
- กรณีทุพพลภาพ ทดแทนการขาดรายได้ 500 – 1,000 บาทต่อเดือนตลอดชีวิต
- กรณีเสียชีวิต รับค่าทำศพ 40,000 บาท
- บำเหน็จชราภาพ 150 บาทต่อเดือน ออมเพิ่มได้ 1,000 บาทต่อเดือน
- เงินสงเคราะห์บุตร 200 บาทต่อเดือนต่อคน ครั้งละไม่เกิน 2 คน
ขั้นตอนการเช็คสิทธิประกันสังคม
- เข้าเว็บไซต์ประกันสังคม www.sso.go.th แล้วกรอกรหัสผู้ใช้งานและรหัสผ่าน หลังจากนั้นคลิกที่ “เข้าสู่ระบบ”
- หน้าเว็บไซต์ประกันสังคมจะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับผู้ประกันตนว่าเป็นผู้ประกันตนมาตราอะไร เลขบัตรประจำตัวประชาชน โดยผู้ประกันตนสามารถเลือกดูข้อมูลต่าง ๆ ได้เลย
ประกันสังคม ปรับลดอัตราเงินสมทบ เดือนตุลาคม-ธันวาคม 2565
ผู้ประกันตนมาตรา 33 คือ ลูกจ้างหรือพนักงานบริษัทเอกชนทั่วไป ซึ่งโดยปกติต้องส่งเงินสมทบประกันสังคม ในอัตรา 5% ของค่าจ้าง แต่ในเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2565 จะได้ปรับลดเหลือ 3% ของค่าจ้าง
ดังนั้น หากเงินเดือน 15,000 บาทขึ้นไป ในเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2565 ก็จะส่งเงินสมทบเหลือ 450 บาท/เดือน จากเดิมต้องจ่าย 750 บาท/เดือน ส่วนคนที่มีฐานเงินเดือนน้อยกว่า 15,000 บาท ก็จะจ่ายลดหลั่นกันลงมา ดังต่อไปนี้
ผู้ประกันตนมาตรา 39 ปกติต้องจ่ายเงินสมทบเดือนละ 432 บาท จะลดเหลือเดือนละ 240 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2565
ผู้ประกันตนมาตรา 40 ได้ปรับลดเงินสมทบไปแล้วในช่วงเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2565 หลังจากนั้น ไม่ได้มีการปรับลดอีก ดังนั้น ในเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2565 ผู้ประกันตนมาตรา 40 ยังต้องจ่ายเงินสมทบในอัตราปกติ คือ
- ทางเลือกที่ 1 จ่ายเงินสมทบ 70 บาท/เดือน
- ทางเลือกที่ 2 จ่ายเงินสมทบ 100 บาท/เดือน
- ทางเลือกที่ 3 จ่ายเงินสมทบ 300 บาท/เดือน