| On 2 years ago

เชฟชุมพล แจ้งไพร รังสรรค์เมนู "อาหารไทย" พร้อมเสิร์ฟ ผู้นำ APEC 2022

เชฟชุมพล แจ้งไพร เผยเมนู "อาหารไทย" ในงาน เลี้ยงกาลาร์ดินเนอร์ ผู้นำ APEC 2022 ค่ำคืนวันที่ 17 พฤศจิกายน ณ หอประชุมกองทัพเรือ

นับถอยหลังในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ 21 เขตเศรษฐกิจ หรือ การประชุม APEC 2022 ซึ่ง ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 16-18 พฤศจิกายน 2565 ที่จะถึงนี้ โดยจะมีงานเลี้ยงกาลาร์ดินเนอร์อย่างเป็นทางการ ในค่ำคืนวันที่ 17 พฤศจิกายน ณ หอประชุมกองทัพเรือ และวันนี้ คมชัดลึก ออนไลน์ มีโอกาสได้พูดคุยกับ เชฟชุมพล แจ้งไพร ผู้รังสรรค์เมนู "อาหารไทย" และเครื่องดื่มในค่ำคืนพิเศษนี้

 

เชฟชุมพล เผยว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลให้เป็นผู้ดูแลเรื่อง อาหาร ในงาน กาลาร์ดินเนอร์ ในค่ำคืนวันที่ 17 พฤศจิกายน ณ หอประชุมกองทัพเรือ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Sustainable Thai Gastronomy” แปลตรงตัวว่า คนปลูกยั่งยืน คนทำยั่งยืน คนกินยั่งยืน ประเทศยั่งยืน และโลกยั่งยืน โดยเลือกใช้วัตถุดิบของไทยทั้งหมด รวมถึงเครื่องดื่ม สอดคล้องกับแนวคิดหลักของการเป็นเจ้าภาพ APEC 2022 ของประเทศไทย ได้แก่ 1) Open เปิดประสบการณ์อาหารไทย ในทุกมิติ นำเสนอรสชาติที่กลมกล่อม ประกอบด้วย 8 รสชาติ ได้แก่ เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เผ็ด ปร่า ขม และจืด 2) Connect คัดสรรวัตถุดิบจากแหล่งผลิตท้องถิ่นทั่วประเทศไทย รวมทั้งที่ได้ขึ้นทะเบียน “สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์” เพื่อนำเสนอความอุดมสมบูรณ์ของไทยที่เป็นครัวของโลก และ 3) Balance การรักษาสมดุลระหว่างธรรมชาติและการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนไทยผ่านการน้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ ซึ่ง ประเทศไทย ได้นำเป็นแนวทางเพื่อสร้างหุ้นส่วน เพื่อเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน

 

 

 

สำหรับ "อาหารไทย" ในงาน กาลาร์ดินเนอร์ แบ่งเป็น 4 คอร์สเมนู จะเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย และสตาร์ทเตอร์ 1 คอร์ส คอร์สที่ 2 เป็นสลัด คอร์สที่ 3 เป็นเมนคอร์ส และคอร์สที่ 4 เป็นของหวาน รวมถึงผลไม้ไทย จับคู่กับเครื่องดื่ม ซึ่งทุกเมนูจะเป็นฮาราลทั้งหมด ไม่มีส่วนประกอบจากเนื้อหมู แต่จะมีทั้งสัตว์บก สัตว์น้ำ มีทั้งผักสมุนไพร เช่น คาร์เวียโครงการหลวง จากดอยอินทนนท์, ผักจากโครงการหลวง, ผักจากวิสาหกิจชุมชน, ผักออร์แกนิกส์จากวังน้ำเขียว, ไก่จากเบตง, กุ้งมังกร 7 สี / ปลาเก๋ามุก จากภูเก็ต, เนื้อโคขุนโพนยางคำ และที่ขาดไม่ได้คือโคราชวากิว รวมถึงข้าวหอมมะลิใหม่นาปี และข้าวไรซ์เบอร์รี่ ส่วนคนที่ไม่กินเนื้อสัตว์ เชฟนำเสนอเป็น plant based โดยใช้ขนุนอ่อน เห็ดแครง และเห็ดชนิดหลายๆ ชนิดของประเทศไทยเป็นวัตถุดิบหลัก

 

 

 

ในส่วนของหวาน เชฟชุมพล เน้นใช้น้ำตาลโตนดซึ่งเป็นน้ำตาลจากธรรมชาติล้วนๆ และน้ำตาลอ้อยไม่ฟอกสี โดยนำรูปแบบ BCG (Bio-Circular-Green Economy) เข้ามาช่วยผลักดันเพื่อให้ประเทศไทยเป็นครัวโลกอย่างแท้จริง ด้วยการพัฒนาด้านการเกษตร ในระบบของ BCG ทั้งหมด

 

 

 

อาหารว่าง เป็นการนำเสนออาหาร 4 ภาค คือ ภาคเหนือ เป็นข้าวซอยหมี่กรอบ, ภาคอีสาน เป็นเนื้อโคราชวากิวย่างจิ้มแจ่ว ส่วนคนที่กินเนื้อจะเสิร์ฟเป็น ปลาดุกนาย่างสะเดาน้ำปลาหวาน, ภาคกลาง เป็นต้มยำกุ้งในรูปแบบคร็อกเก็ต ส่วนภาคใต้ เป็นไก่เบตงย่างกอและ ซึ่งทุกส่วนเป็นอาหารไทย นำเสนอในรูปแบบ fine dining เพื่อให้ทุกท่านได้ลิ้มรสภายใต้คอนเซ็ปต์ 5 สัมผัส กับ 8 รสชาติ ซึ่ง 5 สัมผัสที่ผู้นำและแขกผู้มีเกียรติทุกท่านจะได้รับคือ รูป รส กลิ่น สี และเนื้อสัมผัส เพราะอาหารไทยจะมีรูปที่สวยงาม, รสชาติที่หลากหลาย, กลิ่นที่หอม, สีสันที่สวยงาม และเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันไป ส่วนรสชาติที่ทุกคนจะได้รับประกอบด้วย 8 รสชาติ ได้แก่ เปรี้ยว เค็ม หวาน เผ็ด มัน ซึ่งเป็น 5 รสชาติหลัก และ ฝาด ขม ซ่า ซึ่งเป็นรสชาติรอง โดยค่ำคืนพิเศษนี้ทุกท่านจะได้สัมผัสอัตลักษณ์ไทยอย่างแท้จริง รวมทั้งหมดมากกว่า 21 รายการ ซึ่งคอนเซ็ปต์ในครั้งนี้จะแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยไม่เคยขาดแคลน อาหาร ไม่ว่าจะเกิดวิกฤตโลกอย่างไร ประเทศไทยพร้อมที่จะเป็นครัวของโลกให้กับทุกคนบนโลกใบนี้

 

สำหรับการจัดโต๊ะอาหาร ภายในราชนาวีสโมสร เชฟชุมพล เผยว่า จะจัดเป็นรูปโค้งคล้ายพระจันทร์เสี้ยว โดยเรียงลำดับที่นั่งตามตัวอักษร ยกเว้นประเทศไทยซึ่งเป็นเจ้าภาพจะอยู่ตรงกลาง 

 

 

ติดตาม คมชัดลึก คลิก

Line: https://lin.ee/qw9UHd2

YouTube: https://www.youtube.com/channel/UCnniqWGq9lOqYd5sGWxVi7w